หลักคิดที่สำคัญ 4 ประการ

หลักคิดที่สำคัญ 4 ประการ ในการจัด Home – Based Learning

หลักคิดที่ 1 ต้องมีเป้าหมายของการพัฒนาเด็กร่วมกัน เป้าหมายสำคัญของการจัดการเรียนรู้ คือ การยึดเด็กเป็นตัวตั้ง ซึ่งมีพ่อแม่อยู่ฝั่งเดียวกันกับคุณครูแล้วจับมือร่วมกัน

โดยมีเป้าหมายของการพัฒนาเด็กเป็นตัวตั้ง และมีข้อสำคัญคือพัฒนาเด็กไปสู่ฐานความรู้ หรือพัฒนาเด็กใน 3 ฐานหลัก คือพัฒนาการ 4 พัฒนาการตัวตน (Self) และการพัฒนาทักษะสมอง EF (Executive Functions)

หลักคิดที่ 2  ต้องยืดหยุ่น หมายถึง ครู โรงเรียนสามารถทำให้พ่อแม่มีทักษะในการจัดกิจกรรมกับลูกๆ โดยรู้สึก มีความสุข ง่าย ขณะเดียวกันพ่อแม่ควรรู้สึกสบายๆ เพื่อจะส่งต่อความรู้สึกยืดหยุ่นกับลูก เข้าสู่ประเด็นทำอย่างไรที่จะทำให้การเรียนรู้นั้นกลายเป็นเรื่องสนุก พ่อแม่มีบทบาทของผู้ที่สร้างการเรียนรู้ให้กับลูกได้ในอนาคตและเป็นพ่อแม่แบบมืออาชีพจริงๆ เพื่อสร้างการเรียนรู้ให้เกิดขึ้นที่บ้าน บ้านแต่ละบ้านมีความแตกต่างกัน เวลาที่เด็กอยู่ที่บ้านกับพ่อแม่ก็ไม่เหมือนกับเวลาที่ได้อยู่กับคุณครู แต่จุดเด่นของการจัดการเรียนรู้แบบ Home – Based Learning เหมือนการจัดการเรียนรู้รายบุคคล หากคุณครูและพ่อแม่สามารถยืดหยุ่นได้ ในสถานการณ์การจัด Home – Based Learning และพ่อแม่มีความคิดมีความเชื่อที่แตกต่างกัน เพราะฉะนั้นหากคุณครูสามารถวางกระบวนการเรียนการสอนที่มีความยืดหยุ่นสูง กิจกรรมง่าย ไม่ซับซ้อน หรือกระบวนการสามารถตอบสนองพ่อแม่ได้ในหลายๆ สถานะ เพราะพ่อแม่บางท่าน Work From Home หรือออกเดินทางไปทำงาน หรือพ่อแม่บางคนยังฝึกวินัยลูกไม่แม่นยำ ยังขาดทักษะในการอยู่กับลูกหลายๆ ชั่วโมง นานๆ การจัดการกับอารมณ์ของพ่อแม่อาจมีปัญหาได้

หลักคิดที่ 3 ยอมรับและเคราพความแตกต่าง ความพร้อมและทักษะในการจัดกระบวนการเรียนรู้ของแต่ละครอบครัวไม่เท่ากัน เราต้องเชื่ออย่างหนึ่งว่า พ่อแม่เตรียมใจมาเป็นคนที่ดูแลชีวิตความเป็นอยู่ของลูก จัดการกับชีวิตประจำวันของเด็ก แต่ไม่ได้ตั้งหลักสำหรับการที่จะสอนหรือทำกิจกรรมกับลูกอย่างเป็นเรื่องเป็นราว  แม่บางคนอาจมีทักษะในการเล่านิทาน แต่บางคนอาจเกิดความกังวลใจว่าจะเลือกนิทานแบบไหน จะเล่าอย่างไรให้ดี ลูกถึงจะสนุก เป็นที่คุณครูต้องทำใจและเข้าใจสถานการณ์ของพ่อแม่ เพราะฉนั้นพ่อแม่ไม่ใช่ครู บ้านก็ไม่ใช่โรงเรียนโดยเต็มรูปแบบ

หลักคิดที่ 4 สัมพันธภาพคือกุญแจสำคัญ เรื่องของการมีความสัมพันธ์ที่ดีหมายถึงการร่วมมือกันระหว่างบ้านกับโรงเรียน เราจะต้องช่วยกันคิดว่าจะมีแผนการจัดประสบการณ์อย่างไร ที่จะทำให้พ่อแม่รู้สึกว่ามีคุณครูคอยสนับสนุนคอยช่วยเหลือ และในขณะที่ลูกทำกิจกรรมต่างๆ กับพ่อแม่ คุณครูสามารถช่วยให้พ่อแม่มีกระบวนการสังเกต มีกระบวนการเขียนความก้าวหน้าและถ่ายทอดให้คุณครูโรงเรียนได้รับทราบ ให้เพื่อนผู้ปกครองได้เห็นเป็นการแบ่งปันกัน ถึงแม้ว่าจะอยู่ไกลกัน แต่มีความรู้สึกอบอุ่น ความรู้สึกยังคงเชื่อมประสานกันอย่างดี ความเป็นมืออาชีพของครูต้องจัดการในเรื่องของการออกแบบมาตั้งแต่แผนการเรียนรู้ การติดตามกระบวนการเรียนรู้ของเด็ก และการสะท้อนผลให้พ่อแม่ได้เห็นความก้าวหน้าของลูก เสมือนหนึ่งว่า คุณครูกำลังทำงานกับพ่อแม่อย่างหนัก  คุณครูกำลังทำงานอยู่ 2 ส่วน นั่นคือสร้างการเรียนรู้ให้กับเด็กๆ ขณะเดียวกัน ก็สร้างกระบวนการเรียนรู้และเสริมให้พ่อแม่มีทักษะ และคุณครูจะทำงานพร้อมกันในการออกแบบและพัฒนา 2 ส่วนไปด้วยกัน คือเด็กและความเป็นพ่อแม่ที่สร้างการเรียนรู้ให้กับลูกได้